เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๖ ม.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้วันพระ เห็นไหม สมัยโบราณวันพระเป็นวันหยุด เดี๋ยวนี้สากลวันหยุดเป็นเสาร์ อาทิตย์ ถ้าวันพระเป็นวันหยุดเพื่อหาบุญกุศลใส่หัวใจไง หาบุญกุศลใส่หัวใจ เวลามันทุกข์ร้อนมันทุกข์ร้อนที่ใจ อาหารการกินนี่นะ พูดถึงถ้ามันทุกข์ยากมันก็ต้องพยายามปากกัดตีนถีบ แต่คนหาได้มันก็พอหาได้ แต่มันก็ยังทุกข์เหมือนกัน พอหาได้นะ คำว่าพอหาได้เพราะอะไร เพราะสิ่งของต่างๆ นี่มันต้องเก็บ ต้องถนอม ต้องรักษา เพราะมันเสียหาย ความเสียหายของมันมันเป็นเพราะคุณสมบัติของมัน เราใช้ประโยชน์เขานะ เห็นไหม ปัจจัยเครื่องอาศัย การใช้ปัจจัยเครื่องอาศัยในโลกนี้อย่างหนึ่ง แต่ความเป็นจริงอีกอย่างหนึ่งนะ ความเป็นจริงคือชีวิตของเรา เห็นไหม

การเกิด การเกิดของเราน่ะเกิดโดยบุญกุศล เกิดโดยบาป เกิดโดยกรรมอกุศล การเกิดเกิดเหมือนกันหมดเลย แต่เกิดสูงๆ ต่ำๆ แล้วไม่ต้องไปเทียบใคร จิตดวงเดียวนี้มันเกิดสูงๆ ต่ำๆ ประสาการเกิดของมัน ดูพระเราก็เหมือนกัน เห็นไหม เวลาบวชขึ้นมานี่บวชจากอุปัชฌาย์เหมือนกัน แต่เวลาออกประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม ทำไมเปรียบเทียบเป็นโวหารว่า ไก่ป่า ไก่บ้านน่ะ

ถ้าไก่ป่า เห็นไหม ไก่ป่าต้องอยู่ในป่า คำว่าไก่ป่านี้มันต้องดำรงชีวิตของเขาเองนะ ไก่ป่าไม่มีเจ้าของ ไก่ป่าไม่มีใครปกป้องดูแลรักษา ไก่ป่าต้องรักษาชีวิตของตัวเอง เพราะมันผจญภัยตลอดชีวิต เห็นไหม

ไก่บ้าน ไก่บ้านมันอยู่ในเล้า อยู่ในที่เขามีอาหาร เห็นไหม มีเจ้าของเขาพยายามรักษา มีเหตุมีภัยขึ้นมาเจ้าของก็ปกป้องดูแลรักษา

นี่ถ้าเราบวชแล้วจากอุปัชฌาย์เหมือนกัน การบวชนะ ไก่ป่าหรือไก่บ้านก็แล้วแต่เกิดจากไข่เหมือนกัน เห็นไหม ถ้าไก่บ้านเขาฟักของเขา ไก่ป่านี่มันก็ฟักของเขาเอง แล้วในไก่ป่าก็มีเข้มแข็งมีอ่อนแอเหมือนกัน ในไก่บ้าน ในไก่บ้านก็มีเข้มแข็งมีอ่อนแอเหมือนกัน ความเข้มแข็งเห็นไหม ผู้ที่มีการศึกษา ศึกษาจนมีเปรียญธรรมกี่ประโยคก็แล้วแต่ออกประพฤติปฏิบัติก็มี ออกประพฤติปฏิบัติแล้วได้ผลไม่ได้ผลก็มี เห็นไหม

ในไก่ป่าของเรานี่ ไก่ป่านะ ถ้าปฏิบัติตามธรรมวินัย ตามสัจจะความจริง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราหิวกระหายนะ เราดื่มน้ำเข้าไปนี่ หิวกระหายเราก็ผ่อนคลายลง น้ำนี่ น้ำสะอาดบริสุทธิ์ น้ำมีคุณประโยชน์กับร่างกายขนาดไหน ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เหมือนกัน มรรคหยาบ มรรคละเอียด เห็นไหม

คำว่ามรรคหยาบมรรคละเอียดนี่เพราะอะไร เพราะว่าเริ่มตั้งแต่การประพฤติปฏิบัติ อย่างที่เราเทศน์เห็นไหม ว่ารู้ตาม ความรู้ตามนี่จิตมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ เช่น เราดื่มน้ำเข้าไปนี่ ความกระหายเราหายไป ความสุขก็เกิดขึ้นมากับเรา แล้วน้ำหาที่ไหน หามาอย่างไร เห็นไหม ปัจจุบันนี้หยอดเหรียญกดได้เลย นี่น้ำหาได้ตามตู้ที่เขาเอามาขาย

นี่ก็เหมือนกัน ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกับตู้พระไตรปิฎก เรากดเอาได้เลย กดเอา เห็นไหม แต่เราหาน้ำไม่เป็น เราหาของเราไม่ได้นะ แต่ถ้าเราไปขุดบ่อ ขุดแหล่งน้ำ ขุดน้ำตื่นน้ำลึกเพื่อหาน้ำขึ้นมา เห็นไหม เราเกิดมามีอำนาจาวาสนา เราเกิดมาบ้านเรานี่อยู่ชายแม่น้ำเลย เราจะมีน้ำอยู่ตลอดไป เห็นไหม

เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดมาทางยุโรป เห็นไหม เขาจะหาแหล่งน้ำของเขา เขาต้องออกบวช เขาต้องแสวงหา ขุดลึกขุดตื้นต่างกัน เห็นไหม นี่เวลารู้ตามรู้ตามสภาวะของจิต จิตนี้มหัศจรรย์มาก ความรู้ตามสภาวะแบบนั้น ถึงว่ามรรคหยาบมรรคละเอียดไง ปุถุชน ปุถุชนของเรานี่ศึกษาธรรม เวลาศึกษาธรรมขึ้นมามีสติสัมปชัญญะก็เป็นสิ่งที่ว่าเรายับยั้งใจได้ มีความสุขมากเลย ถ้าเราทำผิดพลาดตามกิเลสไปนี่มันจะทำให้บาปอกุศลเกิดมากับเรา เรามีสติของเราขึ้นมา แล้วเรายับยั้งของเรา เราไม่สร้างบาปอกุศล เห็นไหม

พอมันไม่สร้างบาปอกุศล เหตุการณ์นั้นผ่านไป เราจะภูมิใจมากเลยว่าเราผ่านวิกฤติอย่างนี้มาได้ เราผ่านสิ่งที่เร่าร้อนของใจมาได้ เราผ่านมานะ เพราะอะไร? เพราะเราไม่ทำสิ่งที่ตอบสนองกิเลสไง แล้วเราทำสิ่งตอบสนองใจของเรา เห็นไหม สิ่งนี้คือสติสัมปชัญญะนี่ เรายับยั้งได้ สิ่งนี้เราประพฤติปฏิบัติ เราดัดแปลงตนได้ ประพฤติปฏิบัติเข้าไป เห็นไหม บ่อยครั้งเข้าจากปุถุชนเป็นกัลยาณปุถุชน เพราะกัลยาณปุถุชนมันเห็นโทษไง รูป รส กลิ่น เสียง เป็นโทษนะ

รูป รส กลิ่น เสียงเป็นโทษเพราะอะไร? เพราะสิ่งตัวมันเองมันเป็นธรรมชาติของเขา อย่างเทศนาว่าการมาจากไหนก็มาจากเสียง กล่องเสียงมันออกมาจากใจ ใจขับดันออกมา นี่มันก็เป็นเสียงออกไป แล้วก็รับฟัง เห็นไหม

มันเป็นประโยชน์ไหม ถ้าเราฟังในแง่ได้ประโยชน์ ได้ประโยชน์คือมันสะเทือนใจเราไง ถ้าแง่ไม่ได้ประโยชน์เห็นไหม ทำเสร็จแล้วมันขัดหูขัดใจไปหมดเลย การขัดหูขัดเคืองจากเรานี่ มันเกิดมาจากไหนล่ะ เสียงนั้นเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ คนที่ได้ประโยชน์เขาได้ประโยชน์ คนที่เห็นโทษเขาเห็นเป็นโทษของเขา แล้วนี่เป็นเสียงธรรมดา แต่เพราะเราไปยึดไง นี่รูป รส กลิ่น เสียง สิ่งนี้เป็นบ่วงของมาร ถ้าเราผ่านตรงนี้เข้าไป เราเห็นโทษของมัน เห็นไหม จากเราพิจารณาบ่อยครั้งเข้า ผ่านอันนี้เข้าไป มันจะปล่อยเป็นปุถุชน กัลยาณปุถุชน พอกัลยาณปุถุชนนี่มันควบคุมง่าย

คนเราจะทำงานมันไม่มีพื้นฐาน หลักพื้นฐาน ทางวิชาการพื้นฐาน เป็นวิชาชีพนี่ต้องมีพื้นฐาน ไม่มีพื้นฐานความชำนาญนี่เป็นความชำนาญเฉยๆ แต่ถ้าเวลาเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมานี่ เราไม่เข้าใจในข้อเท็จจริง เห็นไหม ข้อเท็จจริงก็คือพื้นฐาน

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ากัลยาณปุถุชนกับปุถุชนมันต่างกันตรงนี้ไง แล้วมีพื้นฐานของจิต จิตมีพื้นฐาน มีสถานะรองรับขึ้นมานี่ เวลามันยกขึ้นวิปัสสนา เห็นไหม นี่มรรคละเอียดเข้าไปเรื่อยๆๆ มันละเอียดเข้าไปอีกไหม แต่พอเราเข้าไปนี่เราเข้าไปติด สมควรแก่ธรรมไหม ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนี่ จิตมันพัฒนาของมันขึ้นมา ถ้าจิตไม่ได้พัฒนาของมันขึ้นมานี่ มันก็เกิดดับๆ สภาวะแบบนั้น เพราะมันไปรู้ตามไง นี่สิ่งนี้ประพฤติปฏิบัตินะ นี่ไก่ป่า

แล้วถ้าไก่บ้านล่ะ? ไก่บ้านนี่ศึกษาทางทฤษฎีเลย ศึกษาขึ้นมาแล้ววิเคราะห์วิจัย ทำวิจัย เห็นไหม ทำวิจัยทางวิชาการ เป็นวิชาการไปหมดเลย ถ้าวิชาการ เห็นไหม วิชาการที่ถูกต้องก็มี วิชาการ เห็นไหม ดูสิ เวลาในปัจจุบันนี้ทางโลกกับทางวิชาการเพื่อเอาศาสตราจารย์ต่างๆ เห็นไหม เขาเอาของเขา นี่ก็เหมือนกัน ทำวิชาการเพื่อเอาการสอบได้สอบไม่ได้ต่างๆ เป็นประโยชน์กับตัว เห็นไหม นี่สิ่งนี้ถ้าทำถูกต้อง ที่ว่าไก่ป่าหรือไก่บ้าน จิตใจเข้มแข็งก็มี จิตใจอ่อนแอก็มี จิตใจที่เป็นประโยชน์ก็มี จิตใจนี่... สิ่งนี้มันคลุกเคล้ากันไป ทุกๆ อย่างในสังคมทุกสังคมจะมีคนดีและคนไม่ดีปนกัน นี่เป็นสังคมจากภายนอกนะ

แต่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกไว้ในมงคลชีวิต เห็นไหม มงคลชีวิตคือมงคลของเรา อเสวนา จ พาลานํ ไม่คบคนพาล พาลเกิดที่ไหน? พาลเกิดขึ้นมาจากใจ ถ้าใจมันคิด คิดด้วยสิ่งไม่ดีนี่เป็นคนพาล ถ้าเรามีสติเราแยกแยะ เห็นไหม นี่คบบัณฑิต ในปัจจุบันเห็นไหม พูดกันมากเลย ทำดีไม่ได้ดี คนทำไม่ดีนี่ทำไมเขาได้ดีของเขา เราเอาแต่ปัจจุบันนี้ไง เราเอาแต่สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ แต่เราไม่ย้อนหลัง เราไม่ย้อนหลัง มันมีที่มาที่ไปนะ สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ไม่มีอะไรลอยมาจากฟ้าหรอก

สิ่งที่ลอยมาจากฟ้านี้เพราะอะไร เพราะปัจจุบันลอยมาจากฟ้า ดูสิ ดูกฐินของเรานี่ เวลาสังฆกรรม เห็นไหม สิ่งนี้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เพื่ออะไร เพื่อไม่ให้มันเศร้าหมองไง เวลาผุดผ่องโดยสมมุติไง เห็นไหม อย่างเช่น กฐินนี่พระขอเองก็ไม่ได้ พระไปแสวงหาก็ไม่ได้ แต่ถ้ามีโยมในสังคมของชาวพุทธ เห็นไหม มีพระมาจำพรรษาข้างบ้านเรานี่ ถ้าถึงเวลากรานกฐินนี่ เราก็รู้จักของเรา เห็นไหม เรามีความปรารถนา เราปวารณา เราแสวงหามา เห็นไหม สิ่งนี้เกิดโดยธรรมชาติ

เพราะถ้าพระไปขอเอง นี่กฐินกรานเป็นไม่อันกราน พระไปแสวงหาสิ่งนั้นมาเป็นเรื่องของลาภ เรื่องของสักการะ ไม่สมควรต่างๆ ทั้งสิ้นเลย ถ้าไปแสวงหามาอย่างนั้นกฐินมันเศร้าหมอง มันถึงกับเป็นโมฆะไปเลย เห็นไหม แต่เวลาทำก็ทำเป็นพิธีกรรมไปเฉยๆ สิ่งที่เป็นเศร้าหมอง สิ่งที่ไปแสวงหามานี่มันทำให้สิ่งนั้นผิดปกติ นี่คือว่าสิ่งที่เป็นสมมุติ สมมุติเพื่อให้มันผุดผ่องในทางวินัย แต่ความสะอาดของใจมันก็อีกระดับหนึ่ง เห็นไหม นี่สังฆกรรมนะ

สิ่งที่สังฆกรรมต่างๆ นี่ให้มันสะอาดบริสุทธิ์มา แล้วมันเกิดขึ้นมากับชีวิต ชีวิตจะดีขึ้น สังฆะดีขึ้น ความสะอาดบริสุทธิ์เข้ามาจากภายใน นี่มรรคหยาบมรรคละเอียดมาเป็นขั้นเป็นตอนเข้ามา เห็นไหม ลอยมาจากฟ้า สิ่งต่างๆ ไม่ต้องมีเหตุมีผลมา แต่มีเหตุมีผลโดยบริษัท ๔ เห็นไหม เพราะอะไร? เพราะภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อุบาสก อุบาสิกานี่ ความเห็นของเขาในเรื่องศาสนา มันเข้าไม่ถึงหรอก มันเข้าได้คฤหัสถ์ธรรม เห็นไหม ฆราวาสธรรม คฤหัสถ์ธรรม

แต่เวลาภิกษุนี่นักรบ เห็นไหม ภิกษุนักรบ รบกับอะไร? รบกับกิเลสตัณหาความทะยานอยากไง ปัจจัยเครื่องอาศัยนี่เป็นเครื่องอาศัย เครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีวิต ดำรงชีวิตไว้ทำไม ชีวิตนี้คืออะไร ชีวิตนี้เกิดมาจากไหน แล้วอยู่เพื่ออะไร ตายไปเพื่ออะไร ในทางคฤหัสถ์ทางฆราวาสเขา เขาก็ต้องอยู่เพื่อตระกูล เพื่อต่างๆ อย่างนี้ตลอดไป

แต่เวลาบวชเป็นพระขึ้นมาแล้วนี่ประทุษร้ายสกุล สกุลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นไหม ศากยบุตรพุทธชิโนรส เวลาบวชขึ้นมาแล้ว จะมาจากสูงต่ำขนาดไหนเป็นภิกษุเหมือนกัน ศีล ๒๒๗ เท่ากัน เคารพกันด้วยอาวุโส ภันเต แล้วเคารพกันด้วยคุณธรรม ถ้ามีคุณธรรมนะ แม้แต่พรรษาน้อยกว่า พรรษาน้อยกว่าอยู่ด้วยธรรมวินัย เห็นไหม เพราะตามระดับพรรษา แต่ในหัวใจมันยอมรับ ในหัวใจเราเทิดทูน การยอมรับของใจ

เหมือนพ่อแม่ เรารักพ่อแม่ของเรา เราก็ดูแลรักษาพ่อแม่ของเรา เพราะว่าอะไร เพราะว่าพ่อแม่เป็นเจ้าชีวิต เจ้าชีวิตเรานะ เกิดมาน่ะเกิดจากพ่อจากแม่ พ่อแม่ที่เป็นคนดีก็ดีไปด้วย ถ้าพ่อแม่มีเหตุบาดหมางต่างๆ อันนั้นก็เป็นเรื่องของพ่อแม่ แต่เราพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นมาให้ได้ ถ้าเราปรับปรุงให้ดีขึ้นมาได้ นี่อภิชาตบุตร บุตรที่เกิดมาแล้วดี สิ่งนี้พ่อแม่ก็สบายใจ นี่ความเป็นพ่อเป็นแม่ นี่เกิดมา เห็นไหม นี่ตระกูลของคฤหัสถ์

สกุลของสงฆ์ล่ะ? สกุลของสงฆ์ เห็นไหม นี่ภิกษุ ศากยบุตร ธรรมและวินัยนี้เป็นสิ่งที่ว่าเราสืบต่อกันมา ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมและวินัยไว้ นี่ศากยบุตร สกุลของสงฆ์ ลึกซึ้งเข้ามาในเรื่องของมรรคอันละเอียด ถ้ามรรคละเอียดเห็นไหม ความคิดความเห็นนี่มันเป็นมโนกรรม ถ้าเป็นมโนกรรมเพราะมันฟุ้งซ่านใช่ไหม เวลามันคิดคิดออกมาจากใจ แล้วเราจะชำระกิเลส สิ่งนี้มันเป็นเปลือก

ส้ม เวลาเราซื้อส้มมานี่ แกะเปลือกส้ม แล้วก็นั่งกินเปลือกส้มว่าสิ่งนี้คือส้ม มันเป็นไปได้ยังไง เราแกะเปลือกส้มทิ้ง กินแต่เนื้อส้มใช่ไหม นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ละเอียดเข้ามาคือว่าจากเปลือกส้ม จากเนื้อส้ม เราไม่มีใครปรารถนาเปลือกส้มเลยว่ามันจะมีรสชาติอร่อย แต่ถ้าเนื้อส้มล่ะ? นี่ความคิดความเห็นต่างๆ มันเป็นเปลือกส้ม สิ่งต่างๆ เปลือกส้ม มันถึงต้องมโนกรรมไง มโนกรรมความคิดมันถึงต้องให้สะอาดเข้ามาๆ ถึงต้องทำความสงบของใจ

ถ้าธรรมและวินัย ถ้าศีลของเราบริสุทธิ์ เห็นไหม การประพฤติปฏิบัติมันจะเข้ามาเป็นสัมมา ถ้าศีลของเราไม่บริสุทธิ์เห็นไหม มันไปห่วงที่เปลือกส้ม เพราะเปลือกส้มมันสวยนะ เปลือกส้มมันทำให้เนื้อส้มนี้อยู่ได้ เห็นไหม เปลือกส้ม เราไปเข้าใจตรงนั้นมันก็เลยเป็นประเพณีไง เป็นประเพณี เป็นวัฒนธรรม ที่ทำเป็นประเพณี ต้องสวยต้องงาม สิ่งที่สวยงาม แต่มันขมน่ะ เวลาเข้าไปถึงหัวใจแล้วมันขมนะ

แต่ถ้าเป็นธรรม เห็นไหม เราทำสมาธินี่ สิ่งต่างๆ เราทำความสงบเข้ามา พอจิตมันสงบเข้ามา มันเป็นรากฐานเข้ามา มันจะมีความสุขมาก เห็นไหม เราได้กินเนื้อส้ม ถ้าได้กินเนื้อส้มขึ้นมา นี่หัวใจเป็นอย่างนี้ แล้วจิตเกิดมาจากไหน ถ้าจิตมันสงบเข้ามา มันจะสามารถรู้ได้เลย ถ้าเป็นสมาธินะ รู้ถึงบุพเพนุวาสานุสติญาณ ระลึกอดีตชาติได้ ต่างๆ ได้ นี่สิ่งนี้มันกระทำได้ ถ้าทำได้สภาวะแบบนี้มันเป็นอะไรล่ะ มันเป็นอนิจจัง มันเป็นเรื่องของโลก มันเป็นเรื่องของวัฏฏะ มันธรรมของโลกียปัญญา

ถ้าโลกุตตรปัญญานี่มันจะเข้าไปในอริยสัจ เห็นไหม นี่มรรคหยาบ มรรคละเอียด สิ่งที่กระทบกับใจ เห็นความสว่าง เห็นความสว่างไสว เห็นความผ่องใส เห็นต่างๆ อันนั้นเป็นเรื่องของจิตสงบทั้งนั้นเลย เป็นเรื่องของพลังงาน เห็นไหม ดูสิ เวลาเปิดไฟฟ้า ไฟฟ้าสว่างมากเลย แล้วเราไม่เปิดไฟฟ้า แต่เอาพลังงานนี้เข้าไปในโรงงานอุตสาหกรรม มันจะไปสร้างเป็นสินค้าเอามาเป็นประโยชน์กับเรา เห็นไหม มันไม่สว่าง แต่มันเข้าไปในเครื่องยนต์กลไก เข้าไปในไดในมอเตอร์ต่างๆ มันจะหมุน มันจะทำให้เกิดแรงงานปฐมที่เราจะเข้าไปทำในโรงงานออกมา

นี่ก็เหมือนกัน จิตถ้าเราไม่ติดกับมัน เราปล่อยมันเข้าไปในอริยสัจ เห็นไหม มันจะเข้าไปรู้ถึงใจของเรา รู้ถึงความเป็นไปของจิต รู้ถึงการเกิดและการตาย นี่มรรคมันละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ เห็นไหม นี่ธรรมอย่างนี้ธรรมของภิกษุ ธรรมของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ มันเป็นมรรคภายใน ถ้าเป็นคฤหัสถ์เขาทำ มรรคภายนอก มรรคคือสัมมาอาชีวะจากข้างนอก เห็นไหม

สัมมาอาชีวะ ดูสิ ดูอย่างพระเรานี่ ออกบิณฑบาตนี่เลี้ยงชีพชอบ เพราะไม่ได้ปรารถนาสิ่งใดๆ เลย เราจะไปคาดหมายไม่ได้ เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมและวินัยไว้แล้วนะ นี่ถ้าเขาจงใจ เนื้อสามส่วนไง ได้ยิน ได้เห็น ได้จงใจทำให้เรานี่ ฉันเป็นอาบัติปาจิตตีย์หมดเลย เราจะสั่งเสียไม่ได้ เวลาเราไปนิมนต์พระ เห็นไหม เราจะเจาะจงอาหารไม่ได้นะ ถ้าเจาะจงอาหาร เหมือนกับเราเจาะจงอาหารนั้น ภิกษุฉันเป็นอาบัติ

นี่เหมือนกัน เวลาออกบิณฑบาต ไม่ได้หวังสิ่งใดๆ เลย แล้วแต่ศรัทธา ความศรัทธาของเขา แล้วพระออกไปตามหน้าที่ บิณฑบาตด้วยปลีแข้ง สัมมาอาชีวะ เห็นไหม ไม่มีการนัดแนะ ไม่มีการสิ่งใดทั้งสิ้น นี่สัมมาอาชีวะของคฤหัสถ์ สัมมาอาชีวะจากภายนอก

แล้วสัมมาอาชีวะจากภายในล่ะ นี่เวลาคบบัณฑิตคบแต่เรื่องดีๆ คบความคิดไง ความคิดที่ดี เพื่อนใกล้เรากับความคิดกับเราเป็นอันเดียวกัน แล้วความคิดนี่มันเกิดดับๆ เห็นไหม เราคบมิตรดี คบความคิดดี สิ่งคิดดีๆ มันจะดีได้ยังไง ดีได้บุญกุศล ดีได้ความคิดดี

ถ้ามันเป็นบาปอกุศลนะ มันก็คิดแต่ว่าน้อยเนื้อต่ำใจ คิดแต่ผลักไส คิดแต่ขับดัน เห็นไหม ตัณหา วิภวตัณหา เห็นไหม นี่คบคนพาล คบเพื่อนจากข้างนอก คบเพื่อนจากข้างใน แล้วถ้าเกิดมีหลักมีเกณฑ์ขึ้นมานี่จะรู้จริงรู้แจ้งจากหัวใจนะ นี่มันเป็นธรรมของมันในหัวใจนะ นี่ดวงตาของโลก โลกทัศน์จากภายในไง เราควบคุมความคิดชั่วคิดดีของหัวใจทั้งหมด เพราะสิ่งนั้นมันเกิดดับ แล้วตัวจริงของมันมันเป็นสุขล้วนๆ จากหัวใจของเรา นี่สิ่งนี้จิตเกิดจากที่นี่

อวิชชาเกิดจากอะไร ฐีติจิตตัวนี้มันจะพาไป แล้วตัวนี้มันสะอาดบริสุทธิ์ เห็นไหม นี่เกิดจากภายใน เกิดจากภายนอก เกิดจากภายในคือเกิดจากธรรม เกิดจากภายนอกคือเกิดตายๆ ตามวัฏฏะ เราแสวงหาบุญกุศลเพื่ออย่างนี้ เพื่อแสวงหาถึงที่สุดของจบกระบวนการของการเกิดและการตาย จะเห็นไปหมด จะเข้าใจไปหมด ในเรื่องของใจจะเห็น จะรู้จักหมด ถ้าไม่เห็นไม่รู้จัก มันยังสงสัยอยู่มันถึงที่สุดไม่ได้นะ

จากไก่ป่า ไก่บ้าน เห็นไหม เกิดจากอุปัชฌาย์เหมือนกัน คนเกิดจากพ่อจากแม่เหมือนกัน เกิดมาแล้วเข้มแข็งอ่อนแอหรือดีงามต่างๆ สร้างขึ้นมาจนถึงที่สุดนะ หัวใจนี่เข้าใจหมด เข้าใจหมด เพราะถ้าไม่เข้าใจหมดมันจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ไม่ได้ นี่วันพระ พระประเสริฐตรงนี้ พระประเสริฐจากเริ่มต้นของความคิด จากเริ่มต้นของความรู้สึก เริ่มต้นของความรู้สึกนี่ความรู้สึกนี่ยังเป็นความรู้สึกนะ

เริ่มต้นความรู้สึกนะ นี่ตัวฐานของจิตนี่ไง สะอาดตรงนั้น ทุกอย่างสะอาดหมด นี่ผู้ประเสริฐๆ ตรงนี้ ประเสริฐจากพุทโธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แล้วมันเป็นความรู้สึกของเราทั้งหมด ผู้รู้ทุกคนมีความรู้สึกทั้งหมด เห็นไหม ประเสริฐจากตรงนี้ นี่พระ พระผู้ประเสริฐๆ จากใจ เอวัง